Saturday, 1 November 2014

ชุดโคลงสี่สุภาพสอนใจ

ชุดโคลงสี่สุภาพสอนใจ

"สยามกลียุค"

๏ สยามฤๅจะอยู่ยั้ง.........ยืนยง
หากหมู่โจรยังคง............รอดได้
ความดีดับพินาศลง........หมดซึ่ง นิติธรรม
เหลือแต่ความชั่วไว้........ประดับหน้า กลียุคไทย ๚ะ

๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๖

เคมบริดจ์

"Kali Yuga of Siam"

Siam shan't survive, nor.....................stand strong,
When she masks all wrongs...............in amnesty,
Righteousness, severed; so long,........Rule of Law,
Devils laugh and roam merrily...........in Kali Yuga of Thailand

3 November 2013
Cambridge

***
"รัก โลภ โกรธ หลง"

รัก   ย่อมแปรเปลี่ยนได้........ตามกาล
โลภ    มักพาทรัพย์ผลาญ........หมดสิ้น
โกรธ  ดั่งอัคคีมาร....................ร้อนรุ่ม
หลง    ล่อลวงปลอกปลิ้น.........ละได้ จึ่งดี ๚ะ

๑๘ มีนาคม ๒๕๕๖
เคมบริดจ์

"Love, Greed, Hatred & Lust"

With transient, insidious grins........LOVE lures;
All losses are assured .....................by GREED;
Demon's flames flare in your..........burning, HATRED;
LUST blinds you in deceit............'d better drop, all sins.

18 March 2013
Cambridge

Read and Love

"Read More, Love More"

The more I read,
The more I know how little I know.

The more I know how little I know,
The less significant in this world I feel.

The less significant in this world I feel,
The more slowly my ego expands.

The more slowly my ego expands,
The more I can love.

Thus,

The more I read,
The more I love.

16 October 2013
Cambridge

Bus Stop

"Bus Stop"


We met
To part.
Loved
To leave.


Cambridge

The Bus Stop
where you awaited with eagerness.
Off and away so quickly you hopped,
leaving me behind,
blind and hopeless.

But... 


At this temporary shelter
where levity is norm,
love manifests,
companionship forms,
like desert flowers,
drinking their only rainfall. 

Goodbye my friends.
The flowers will be kept in my heart.

Our smiles will be their sunshine, 

our tears their rain,

for them to multiply into new territories.
To grow. To flourish. To conquer.

30 June 2012
Cambridge

Valentine's

"Valentine's"


I'm travelling
on Valentine's Day.
My body stirs,
yet my heart stays
where it belongs
across the seas.
Patiently it awaits
and embraces destiny.
For a choice has been made
not from one's voice 
but one's heavy head.

Oh, I'm travelling on Valentine's Day.
It's a warm day of love, 
but a cold night of dismay.

13 February 2012
London/Geneva

Tasty Geneva

"Tasty Geneva"


A luscious day,
A lazy walk,
A hawk in the sky.


A crispy breeze,
A peaceful path,
A heart hungry to try.


A roasted rainbow,
A glowing lake,
A breathtaking scene.


Never tasted a city,
So spicy,
Yet so serene. 


In quaint kitchen of piquant people,
One's shielded from bitter tears and trouble.

With balsamic magic of hand-picked Geneva,
Life is as sweet and rich
As a Swiss chocolate bar.
Yum!



10 July 2012
Geneva

Friday, 31 October 2014

นิราศแม่น้ำแคม

"นิราศแม่น้ำแคม"

๏ แสงอาทิตย์สะท้อนน้ำยามคล้อยบ่าย
ประดับผิวริ้วระรอกเป็นประกาย
ปรากฏลายความทรงจำลำน้ำแคม
มาศึกษาหาความรู้อยู่เมืองนอก
หวังออกดอกออกผลจนหลักแหลม
ต้องจากรังทิ้งรักนิราศแรม
ใบหน้าแย้มแต่ใจหม่นจนวิญญาณ์
ได้สายชลช่วยปลอบประโลมจิต
ดั่งญาติมิตรชิดใกล้ให้ปรึกษา 
ลำน้ำเย็นเป็นเพื่อนคิดนิตยา
ให้พึ่งพาคราโศกเศร้าเหงาชีวิน
คิดคร่ำครวญความหลังริมฝั่งน้ำ
เหมือนจะย้ำยอกใจให้ถวิล
มองน้ำไหลลับลาน้ำตาริน
ในห้วงจินต์ความหลังหลั่งพรั่งพรู 

๏ จะขอล่องท่องน้ำแคมอีกซักครั้ง
ชมสองฝั่งอาคารรามเรียงเคียงคู่
เมืองนักปราชญ์ศาสตร์ศิลป์ถิ่นเรียนรู้
ที่เราสู้ศึกษามาแรมปี
จึงลงพั้นท์พลันจับไม้ไว้ค้ำถ่อ
ไม่รีรอทิ้งไม้ลงให้ตรงที่
ก่อนดันลงบรรจงจับบังคับดี
สู่สายนทีที่คุ้นตาพาล่องไป

๏ เห็นดาร์วิ่นถิ่นเด็กไทยใจมุ่งมั่น
ห้องสมุดนั้นเคยนั่งฟังน้ำไหล
เกาะกลางน้ำงามสง่าพนาไพร
แหล่งพักใจใครเห็นเป็นปรีดี 
อยากเป็นเกาะแกร่งกายกลางสายชล
แม้ต้องทนทานกระแสไม่แลหนี
จะยืนหยัดกัดฟันสู้แม้รู้ดี
ชีวิตนี้มิอาจต้านทานสายกาล
มองน้ำไหลไปลับไม่กลับหวน
จะรั้นสวนสายธาราอย่านึกหาญ 
ดั่งเวลาลาล่วงแล้วแคล้วอันตรธาน
ทิ้งเพียงฝันของวันวานไว้จดจำ
โอ้ลำธารสานรักหวานเมื่อกาลก่อน
จะขอวอนเจ้าย้อนคืนวันชื่นฉ่ำ
เหตุไฉนไร้คำตอบเหมือนตอกย้ำ
ให้ชอกช้ำในน้ำเชี่ยวเปลี่ยวชีวา

๏ มาถึงควีนส์สะพานไม้ค่อมสายน้ำ
สักทองค้ำประคองสานบนฐานหนา
สะพานโค้งแผ่นไม้ตรงดูแปลกตา
วาดลีลาลวดลายงามคนตามชม
เห็นหมุดเหล็กสลักตอกตามซอกไม้
ดั่งดวงใจใส่สลักด้วยรักขม
ปลดไม่หลุดฉุดไว้ให้ตรอมตรม
รัดเป็นปมปิดห้องจำจองใจ
อยากสะเดาะเลาะตรวนที่ตรึงจิต
ปล่อยชีวิตทาสรักจักเริ่มใหม่
แต่ยิ่งไขยิ่งแน่นร้าวแก่นใน
เดินบ่ไหวแม้วันผ่านมาเนิ่นนาน

๏ ล่องผ่านคิงส์มิ่งขวัญคู่เคมบริดจ์
เห็นโบสถ์คริสต์สูงสง่าศาสน์สถาน
ลานหญ้าเขียวเย็นตาพาเบิกบาน
แว่วเสียงประสานประเสริฐใสกล่อมใจคน
ริมฝั่งแคมแต้มสวยด้วยต้นหลิว
โปรยกิ่งปลิวย้อยสยายราวสายฝน
ทอดหย่อมเงาเย้าผิวธารดั่งม่านมนต์
ต้องตาคนคราไหวพริ้วในริ้วลม
หลิวไสวพาใจฉันให้สั่นหนาว
คิดถึงคราวเขาเอ่ยรักแรกสุขสม
ยังจำกลิ่นกายหอมใคร่ดอมดม
รื่นภิรมย์สมหวังริมฝั่งแคม
แต่บัดนี้เขาร้างไกลไม่อยู่แล้ว
เสียงที่แว่วหวามหวิวเหนือผิวแก้ม 
กลายเป็นเสียงสะกิดใจเจ็บเหน็บแนม
เยาะเย้ยแซมเสียงกิ่งหลิวลู่สีกัน

๏ แล้วล่องผ่านสะพานแคลร์แลลูกหิน
ลูกนั้นบิ่นวิ่นเว้าหายคล้ายใจฉัน
แม้หินแกร่งยังแหว่งได้ตามกาลวัน
ใจฉันนั้นฤๅจะต้านทานรักนี้...
พลัดตกน้ำดำขึ้นใหม่ไม่ยากนัก
แต่ตกรักหลุมลึกอย่านึกหนี
ติดน้ำวนตนรอดได้หากกายดี
แต่เสียทีติดรักวนหนทางตัน
ลำน้ำใสใจกลับขุ่นเพราะครุ่นคิด
เหตุไฉนชีวิตพลันผกผัน
จากที่พร่ำคำรักเป็นร้อยพัน
เปลี่ยนเป็นลืมหน้ากันบ่หันแล
โอ้ความรักสลักลงตรงกลางอก
คิดไม่ตกยกไม่ออกยอกเป็นแผล
ถูกศรรักปักพิษพาดิ้นแด
หวังเพียงแต่กาลเวลาเป็นยาใจ

๏ ครั้นพั้นท์ผ่านบ้านนิติทรินิตี้ฮอลล์
พลางคิดย้อนยามสังสรรค์วันสดใส
ห้องหนังสือทรงนาวามุ่งหน้าไป
ยังจำได้บนชั้นสองนั่งมองมา
คิดถึงวันรับปริญญาเมื่อครานั้น
พ่อแม่ฉันชื่นแช่มแย้มหรรษา
แม่เลือกห่มชมพูใสไหมแพรวา
พ่อแต่งผ้าแดงเลือดนกปกเนคไท
แต่ตอนนี้มีแค่เราให้เหงาคว้าง
จิตอ้างว้างกลางกลุ่มคนบนธารไหล
ดั่งลูกนกหกเหินบินสู่ถิ่นไกล
ต้องสู้ไหวให้ท่านสรวลก่อนหวนรัง
รอหน่อยนะลูกจะรีบเร่งศึกษา
ให้วิทยานิพนธ์เสร็จสมดังหวัง
แล้วจะกลับก้มกราบเท้าท่านอีกครั้ง
นั่งแทบตั่งปรนนิบัตรแบบเช่นเคย

๏ ล่องมาเทียบทรินิตี้ตึกสีสวย
แหล่งร่ำรวยสินราชาดูผ่าเผย
นั่นผู้คุมในเครื่องแบบเคร่งจังเลย
ต้องเตือนเอ่ยหากอาจย่ำเหยียบหญ้างาม
ข้างทรินิตี้มีเซนต์จอห์นส์บรรเจิดคู่
บริดจ์ออฟไซห์ส์สะพานหรูดูเกรงขาม
หอนาฬิกาไร้หน้าปัดบอกโมงยาม
บนลานสนามมีห่านเป็ดเตร็ดเตร่ไป
ครั้นเห็นสะพานมอดลินลอยตรงหน้า
ก็นึกได้หมดเวลาเถลไถล
ต้องพั้นท์หวนทวนวารีวกกลับไว
ก่อนหัวใจจะจมต่ำใต้ลำคลอง
ตะวันคล้อยขอบฟ้านภาหม่น
ทั่วแห่งหนเลือนรางทางเรือล่อง
แว่วสำเนียงเสียงน้ำแคมค่อยขับร้อง
ราวกับต้องการกล่าวคำอำลา

๏ ตะวันแดงแสงสุดท้ายจับปลายฟ้า
เอ่ยวาจาเว้าวอนอ้อนปักษา
ในวันพรุ่งรุ่งอรุณเราจะมา
เยือนนภาหาเจ้าใหม่ให้แสงทอง
แต่ตอนนี้มีอันจำต้องจาก
อยากจะฝากฝังรักเป็นแสงส่อง
คิดถึงเราคราใดให้เจ้ามอง
ขึ้นบนท้องนภาพลางพิศแสงจันทร์... 

๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๗
เคมบริดจ์

ชุดโคลงสี่สุภาพดอกไม้ขาว ประกอบเพลง

ชุดโคลงสี่สุภาพดอกไม้ขาวประกอบเพลง


"ดอกหยาดหิมะ" 

๏ หยาดหิมะผลิแย้ม............เย้าตะวัน
ชูช่อคราเหมันต์...................เคลื่อนคล้อย
เบิกฟ้าใหม่ในวสันต์.............สุขสว่าง
ใต้กลีบนวลผกาน้อย............ซ่อนไว้ ความหวัง ๚ะ 

"Snowdrop"

Snowdrop kissed by ............. the Sun
Spring sings, away runs ....... Winter
New sky harbours tonnes ..... of light
In white lantern flowers......... hope ignites; life returns.


๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗
ขอนแก่น
***

"ดอกแก้ว"

๏ หวานกรุ่นกลิ่นดอกแก้ว.........โชยมา
แย้มกลีบสะท้อนจันทรา............จรัสจ้า
ขาวนวลผ่องผิวผกา..................บริสุทธิ์
ประณีตปานนางฟ้า....................ประดิษฐ์ไว้ ประดับแดน ๚ะ 

๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗
ขอนแก่น
***

"ดอกพะยอม" 

๏ ดอกพะยอมหยาดแย้ม.........เย้าลม
พวงเพชรพราวขาวพรม...........ประดับต้น
กลิ่นหอมใคร่ดอมดม...............จรุงจิต ใจนา
สูงสง่าบริสุทธิ์พ้น....................กิเลศแผ้ว ผกาสวรรค์ ๚ะ

๏ พระคุณพ่อท่วมท้น...............เหนือยอด พะยอมเอย
รักพ่อยืนยาวตลอด..................ดั่งต้น-
พะยอมหยัดกิ่งกอด..................อ้อมโอบ อุ่นนา
เพลงสื่อรักลูกล้น.....................กราบเท้า แทบบิดร ๚ะ

๒๓ กันยายน ๒๕๕๗
เคมบริดจ์


"ดอกจำปี"

๏ แสนภิรมย์ใต้ร่มต้น............จำปี
แว่วแผ่วเสียงภุมรี.................เพราะพร­ิ้ง
บรรเลงกล่อมมาลินี..............หวานกรุ่น
เคล้ากลิ่นระรวยทิ้ง...............เสน่ห์ไ­ว้ ให้ถวิล ๚ะ

๏ เคยเก็บกอบดอกแย้ม........เป็นกำ
ดอกหนึ่งกลัดผมดำ..............แนบน้อง
อีกหนึ่งหยิบทัดนำ................หูพี่
อีกดอกถนอมในห้อง............จิตห้วง หฤทัย ๚ะ

๕ ตุลาคม ๒๕๕๗
เคมบริดจ์

***

"ดอกซ่อนกลิ่น"

๏ โฉมฉายสยายกลีบกล้า.....ท้าจันทร์
"ซ่อนกลิ่น" ชูช่อชัน.............ชดช้อย
ขาวเด่นดุจหงษ์พรรณ..........ผุดผ่อง
หอมลึกความลับร้อย............ซ่อนไว้ ใคร่แสวง ๚ะ

๖ ตุลาคม ๒๕๕๗
เคมบริดจ์

***