Friday, 31 October 2014

นิราศแม่น้ำแคม

"นิราศแม่น้ำแคม"

๏ แสงอาทิตย์สะท้อนน้ำยามคล้อยบ่าย
ประดับผิวริ้วระรอกเป็นประกาย
ปรากฏลายความทรงจำลำน้ำแคม
มาศึกษาหาความรู้อยู่เมืองนอก
หวังออกดอกออกผลจนหลักแหลม
ต้องจากรังทิ้งรักนิราศแรม
ใบหน้าแย้มแต่ใจหม่นจนวิญญาณ์
ได้สายชลช่วยปลอบประโลมจิต
ดั่งญาติมิตรชิดใกล้ให้ปรึกษา 
ลำน้ำเย็นเป็นเพื่อนคิดนิตยา
ให้พึ่งพาคราโศกเศร้าเหงาชีวิน
คิดคร่ำครวญความหลังริมฝั่งน้ำ
เหมือนจะย้ำยอกใจให้ถวิล
มองน้ำไหลลับลาน้ำตาริน
ในห้วงจินต์ความหลังหลั่งพรั่งพรู 

๏ จะขอล่องท่องน้ำแคมอีกซักครั้ง
ชมสองฝั่งอาคารรามเรียงเคียงคู่
เมืองนักปราชญ์ศาสตร์ศิลป์ถิ่นเรียนรู้
ที่เราสู้ศึกษามาแรมปี
จึงลงพั้นท์พลันจับไม้ไว้ค้ำถ่อ
ไม่รีรอทิ้งไม้ลงให้ตรงที่
ก่อนดันลงบรรจงจับบังคับดี
สู่สายนทีที่คุ้นตาพาล่องไป

๏ เห็นดาร์วิ่นถิ่นเด็กไทยใจมุ่งมั่น
ห้องสมุดนั้นเคยนั่งฟังน้ำไหล
เกาะกลางน้ำงามสง่าพนาไพร
แหล่งพักใจใครเห็นเป็นปรีดี 
อยากเป็นเกาะแกร่งกายกลางสายชล
แม้ต้องทนทานกระแสไม่แลหนี
จะยืนหยัดกัดฟันสู้แม้รู้ดี
ชีวิตนี้มิอาจต้านทานสายกาล
มองน้ำไหลไปลับไม่กลับหวน
จะรั้นสวนสายธาราอย่านึกหาญ 
ดั่งเวลาลาล่วงแล้วแคล้วอันตรธาน
ทิ้งเพียงฝันของวันวานไว้จดจำ
โอ้ลำธารสานรักหวานเมื่อกาลก่อน
จะขอวอนเจ้าย้อนคืนวันชื่นฉ่ำ
เหตุไฉนไร้คำตอบเหมือนตอกย้ำ
ให้ชอกช้ำในน้ำเชี่ยวเปลี่ยวชีวา

๏ มาถึงควีนส์สะพานไม้ค่อมสายน้ำ
สักทองค้ำประคองสานบนฐานหนา
สะพานโค้งแผ่นไม้ตรงดูแปลกตา
วาดลีลาลวดลายงามคนตามชม
เห็นหมุดเหล็กสลักตอกตามซอกไม้
ดั่งดวงใจใส่สลักด้วยรักขม
ปลดไม่หลุดฉุดไว้ให้ตรอมตรม
รัดเป็นปมปิดห้องจำจองใจ
อยากสะเดาะเลาะตรวนที่ตรึงจิต
ปล่อยชีวิตทาสรักจักเริ่มใหม่
แต่ยิ่งไขยิ่งแน่นร้าวแก่นใน
เดินบ่ไหวแม้วันผ่านมาเนิ่นนาน

๏ ล่องผ่านคิงส์มิ่งขวัญคู่เคมบริดจ์
เห็นโบสถ์คริสต์สูงสง่าศาสน์สถาน
ลานหญ้าเขียวเย็นตาพาเบิกบาน
แว่วเสียงประสานประเสริฐใสกล่อมใจคน
ริมฝั่งแคมแต้มสวยด้วยต้นหลิว
โปรยกิ่งปลิวย้อยสยายราวสายฝน
ทอดหย่อมเงาเย้าผิวธารดั่งม่านมนต์
ต้องตาคนคราไหวพริ้วในริ้วลม
หลิวไสวพาใจฉันให้สั่นหนาว
คิดถึงคราวเขาเอ่ยรักแรกสุขสม
ยังจำกลิ่นกายหอมใคร่ดอมดม
รื่นภิรมย์สมหวังริมฝั่งแคม
แต่บัดนี้เขาร้างไกลไม่อยู่แล้ว
เสียงที่แว่วหวามหวิวเหนือผิวแก้ม 
กลายเป็นเสียงสะกิดใจเจ็บเหน็บแนม
เยาะเย้ยแซมเสียงกิ่งหลิวลู่สีกัน

๏ แล้วล่องผ่านสะพานแคลร์แลลูกหิน
ลูกนั้นบิ่นวิ่นเว้าหายคล้ายใจฉัน
แม้หินแกร่งยังแหว่งได้ตามกาลวัน
ใจฉันนั้นฤๅจะต้านทานรักนี้...
พลัดตกน้ำดำขึ้นใหม่ไม่ยากนัก
แต่ตกรักหลุมลึกอย่านึกหนี
ติดน้ำวนตนรอดได้หากกายดี
แต่เสียทีติดรักวนหนทางตัน
ลำน้ำใสใจกลับขุ่นเพราะครุ่นคิด
เหตุไฉนชีวิตพลันผกผัน
จากที่พร่ำคำรักเป็นร้อยพัน
เปลี่ยนเป็นลืมหน้ากันบ่หันแล
โอ้ความรักสลักลงตรงกลางอก
คิดไม่ตกยกไม่ออกยอกเป็นแผล
ถูกศรรักปักพิษพาดิ้นแด
หวังเพียงแต่กาลเวลาเป็นยาใจ

๏ ครั้นพั้นท์ผ่านบ้านนิติทรินิตี้ฮอลล์
พลางคิดย้อนยามสังสรรค์วันสดใส
ห้องหนังสือทรงนาวามุ่งหน้าไป
ยังจำได้บนชั้นสองนั่งมองมา
คิดถึงวันรับปริญญาเมื่อครานั้น
พ่อแม่ฉันชื่นแช่มแย้มหรรษา
แม่เลือกห่มชมพูใสไหมแพรวา
พ่อแต่งผ้าแดงเลือดนกปกเนคไท
แต่ตอนนี้มีแค่เราให้เหงาคว้าง
จิตอ้างว้างกลางกลุ่มคนบนธารไหล
ดั่งลูกนกหกเหินบินสู่ถิ่นไกล
ต้องสู้ไหวให้ท่านสรวลก่อนหวนรัง
รอหน่อยนะลูกจะรีบเร่งศึกษา
ให้วิทยานิพนธ์เสร็จสมดังหวัง
แล้วจะกลับก้มกราบเท้าท่านอีกครั้ง
นั่งแทบตั่งปรนนิบัตรแบบเช่นเคย

๏ ล่องมาเทียบทรินิตี้ตึกสีสวย
แหล่งร่ำรวยสินราชาดูผ่าเผย
นั่นผู้คุมในเครื่องแบบเคร่งจังเลย
ต้องเตือนเอ่ยหากอาจย่ำเหยียบหญ้างาม
ข้างทรินิตี้มีเซนต์จอห์นส์บรรเจิดคู่
บริดจ์ออฟไซห์ส์สะพานหรูดูเกรงขาม
หอนาฬิกาไร้หน้าปัดบอกโมงยาม
บนลานสนามมีห่านเป็ดเตร็ดเตร่ไป
ครั้นเห็นสะพานมอดลินลอยตรงหน้า
ก็นึกได้หมดเวลาเถลไถล
ต้องพั้นท์หวนทวนวารีวกกลับไว
ก่อนหัวใจจะจมต่ำใต้ลำคลอง
ตะวันคล้อยขอบฟ้านภาหม่น
ทั่วแห่งหนเลือนรางทางเรือล่อง
แว่วสำเนียงเสียงน้ำแคมค่อยขับร้อง
ราวกับต้องการกล่าวคำอำลา

๏ ตะวันแดงแสงสุดท้ายจับปลายฟ้า
เอ่ยวาจาเว้าวอนอ้อนปักษา
ในวันพรุ่งรุ่งอรุณเราจะมา
เยือนนภาหาเจ้าใหม่ให้แสงทอง
แต่ตอนนี้มีอันจำต้องจาก
อยากจะฝากฝังรักเป็นแสงส่อง
คิดถึงเราคราใดให้เจ้ามอง
ขึ้นบนท้องนภาพลางพิศแสงจันทร์... 

๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๗
เคมบริดจ์

ชุดโคลงสี่สุภาพดอกไม้ขาว ประกอบเพลง

ชุดโคลงสี่สุภาพดอกไม้ขาวประกอบเพลง


"ดอกหยาดหิมะ" 

๏ หยาดหิมะผลิแย้ม............เย้าตะวัน
ชูช่อคราเหมันต์...................เคลื่อนคล้อย
เบิกฟ้าใหม่ในวสันต์.............สุขสว่าง
ใต้กลีบนวลผกาน้อย............ซ่อนไว้ ความหวัง ๚ะ 

"Snowdrop"

Snowdrop kissed by ............. the Sun
Spring sings, away runs ....... Winter
New sky harbours tonnes ..... of light
In white lantern flowers......... hope ignites; life returns.


๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗
ขอนแก่น
***

"ดอกแก้ว"

๏ หวานกรุ่นกลิ่นดอกแก้ว.........โชยมา
แย้มกลีบสะท้อนจันทรา............จรัสจ้า
ขาวนวลผ่องผิวผกา..................บริสุทธิ์
ประณีตปานนางฟ้า....................ประดิษฐ์ไว้ ประดับแดน ๚ะ 

๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗
ขอนแก่น
***

"ดอกพะยอม" 

๏ ดอกพะยอมหยาดแย้ม.........เย้าลม
พวงเพชรพราวขาวพรม...........ประดับต้น
กลิ่นหอมใคร่ดอมดม...............จรุงจิต ใจนา
สูงสง่าบริสุทธิ์พ้น....................กิเลศแผ้ว ผกาสวรรค์ ๚ะ

๏ พระคุณพ่อท่วมท้น...............เหนือยอด พะยอมเอย
รักพ่อยืนยาวตลอด..................ดั่งต้น-
พะยอมหยัดกิ่งกอด..................อ้อมโอบ อุ่นนา
เพลงสื่อรักลูกล้น.....................กราบเท้า แทบบิดร ๚ะ

๒๓ กันยายน ๒๕๕๗
เคมบริดจ์


"ดอกจำปี"

๏ แสนภิรมย์ใต้ร่มต้น............จำปี
แว่วแผ่วเสียงภุมรี.................เพราะพร­ิ้ง
บรรเลงกล่อมมาลินี..............หวานกรุ่น
เคล้ากลิ่นระรวยทิ้ง...............เสน่ห์ไ­ว้ ให้ถวิล ๚ะ

๏ เคยเก็บกอบดอกแย้ม........เป็นกำ
ดอกหนึ่งกลัดผมดำ..............แนบน้อง
อีกหนึ่งหยิบทัดนำ................หูพี่
อีกดอกถนอมในห้อง............จิตห้วง หฤทัย ๚ะ

๕ ตุลาคม ๒๕๕๗
เคมบริดจ์

***

"ดอกซ่อนกลิ่น"

๏ โฉมฉายสยายกลีบกล้า.....ท้าจันทร์
"ซ่อนกลิ่น" ชูช่อชัน.............ชดช้อย
ขาวเด่นดุจหงษ์พรรณ..........ผุดผ่อง
หอมลึกความลับร้อย............ซ่อนไว้ ใคร่แสวง ๚ะ

๖ ตุลาคม ๒๕๕๗
เคมบริดจ์

***

หมาข้างถนน

"หมาข้างถนน"

ข้าเป็นหมาข้างถนนคนดูหมิ่น 
พลัดหลงถิ่นดิ้นรนทนอาศัย 
เศษอาหารจานเหลือไล่เลียไป 
แย่งให้ได้หนีให้ไวก่อนใครรู้
ไร้หมู่มิตรญาติสนิทชิดสัมผัส 
ไร้มนุษย์โอบรักรัดน่าอดสู
ไร้ที่พักหลักแหล่งหลบศัตรู 
ไร้เตียงหรูกรงทองของโอชา

แต่ถามข้าลำเค็ญเข็ญใจไหม 
ที่ข้าไร้เรือนหลังคาอนาถา
ขาดคนใคร่ปราณีมีเมตตา 
ขาดมารยาประจบให้คนจูง

ท่านลองพิศพุดเดิ้ลเดินมานั่น 
ขนเป็นชั้นชูเชิดโชว์เสียงสูง
ดั่งเจ้าหญิงหยิ่งผยองพญายูง 
นำหน้าฝูงสุนัขพันธุ์เพดดิกรี.....

ตุ๊กตาน้อยเตาะแตะชิวาวา 
เจ้าเกิดมาเป็นของเล่นคนมีศรี
อ้อนออดเขาให้สนใจไล้ลูบที 
พอเขาหน่ายมิใยดีไล่เตะเอา

เจ้าชิสุดุดุจสิงห์วิ่งเข้าขู่ 
ขนยาวฟูดูเฉลียวโฉมเฉลา
เป็นสุนัขชั้นสูงยุ่งไม่เบา 
ดูมันเห่าเสียงว่างเปล่าดีแต่งาม

วิ่งแซงหน้าเหลอหลาหมาฮัสกี้ 
หน้าตาดีมีกำลังใช้ลากหาม
ถูกเขาเรียกหลอกสั่งต้องฟังตาม 
ห้ามเถียงถามเลี้ยงเพียงเสริมเพิ่มศักดา

ท้ายขบวนแลบราดอร์เดินเชื่องช้า 
เดินนำหน้าจูงมนุษย์ภาระหนา
ต้องทำดีเชื่อเชื่องและเป็นตา 
บนสี่ขาแบกรับใช้ “น้ำใจ” คน

.....อันหมาฝูงสูงศักดิ์ที่มักหยิ่ง 
ถามเจ้าจริงเจ้าสุขแท้แน่กี่หน
ถูกกักขังบังคับรับเท้าคน 
หมายของตนกินถ่ายฉี่เท่านี้ฤๅ
ดูอย่างข้าถึงท้องร้องใจกลับอิ่ม 
ด้วยได้ชิมทิพยรสความโสดซื่อ
อิสระไร้ภาระคล้องรัดมือ 
ปราศปลอกคอรั้งยื้อให้เทียมดิน

ไม่ต้องแกล้งแสร้งสนให้คนรัก 
ไม่ต้องเลียทายทักให้คนถวิล
ไม่ต้องถูกผูกจำให้มีกิน 
ไม่ต้องสิ้นศักดิ์ศรีให้คนเชย

เกิดเป็นหมาริมทางอย่างตัวข้า 
ออกค้นหาผจญภัยอย่างผ่าเผย
ซึ่งความหมายตามสายลมรำเพย 
ขุดหาเฉลยที่ซ่อนไว้ใต้ทางดิน

ตามข้ามาสิ......

๕ มิถุนายน ๒๕๕๗ 
เคมบริดจ์

ความลับมะเขือเทศ

"ความลับมะเขือเทศ" 

มะเขือเทศ. ในตะกร้าสาน 
เกลี้ยงกลม. แดงกร่ำ. 
"คิดถึงฉันไหม?" มันสะอื้นถาม 
"คิดถึงสิ" คำตอบแว่วมาตาม- 
ลมหายใจสวนหลังบ้าน 
สวนแห่งแย้มรักแรก. 
สวนที่ถูกพรากมา. 

อณูน้ำ. ในกลีบแก้มแดงใส 
นอนนิ่ง. รอคอย. 
"เมื่อไหร่จะกลับมา?" 
มันเงยถามทะเลสีฟ้า- 
ที่ครั้งหนึ่ง. ประดับด้วยปุยเกาะสีเทา 
.....เงียบ..... 
ไม่มีคำตอบจากทะเลฟ้าไร้เงา 

มีด. ไล้ลงบนผิวบอบบาง 
ปลดแอก. อณูน้ำไหลเป็นทาง 
สู่ริมฝีปากเด็กสาว 
ก่อนหลอมรวมกับสายนทีชีวา 
ตกจากหน้าผา. แห่งความทรงจำ 
คล้อยต่ำ. สู่ก้นบึ้งหัวใจหล่อน- 
ที่ซ่อน. ความลับ. มะเขือเทศ. 

๑๒ มิถุนายน ๒๕๕๗
เคมบริดจ์/ลอนดอน

สูตรมัสมั่นหรรษา

“มัสมั่นหรรษา”

๏ เคล็ดลับรสเลิศล้ำ            มัสมั่น แม่เอย
อยู่ที่เครื่องครบครัน             โขลกเคล้า
สัดส่วนสรรพรับกัน               ข้นเคี่ยว
ค่อยอร่อยขึ้นยามเข้า           นุ่มเนื้อ หมั่นทำ ๚ 

๏ จะทำมัสมั่นทิพย์              ครบเครื่องหยิบหย่อนลงตำ 
ตวงตามส่วนเคี่ยวน้ำ           ซึมเข้าเนื้ออร่อยเหลือหลาย
๏ ปรุงชีพเหมือนปรุงแกง     รสส่อแสดงการเตรียมกาย
เครื่องปรุงมีมากมาย            ฉลาดเลือกได้รสจึ่งดี
๏ บัดนี้จะบอกเคล็ด             สูตรรสเด็ดแกงชีวี
“มัสมั่นหรรษา” มี                เครื่องดังนี้ ท่านลองจำ

๏ ยี่หร่าความเริงร่า               ยิ้มแย้มพาเพลินทุกคำ
ขันติพริกไทยดำ                  แกงเข้มข้นด้วยอดทน
๏ กระวานมองการณ์ไกล     คั่วโขลกใส่เพิ่มพูนผล
กานพลูรู้คุณคน                    กตัญญูแกงหอมนาน
๏ ลูกจันทน์จิตมุ่งมั่น            เพิ่มความขยันย่อมน่าทาน
ผักชีศีลธรรมสาร                  ลูกและรากเกลารสใจ 
๏ พริกแห้งแรงปรารถนา      พอควรอย่าเยอะเกินไป
รอบคอบหั่นตะไคร้               พาหอมให้เย็นแยบคาย
๏ กะปิความริเริ่ม                  เผาใส่เสริมสรรค์ความหมาย
ซอยข่ารักษากาย                 ร่างแข็งแรงแกงโสภา
๏ กระเทียมเจียมเนื้อตัว       แกะเปลือกคั่วทิ้งอัตตา
ผิดมะกรูดกรุณา                   เมตตาหนุนหอมกรุ่นแกง
๏ หัวหอมความกล้าหาญ     เป็นยาสมานทานเติมแรง
อบเชยสุจริตแจ้ง                  รับผิดชอบมอบรสงาม

...โขลกเครื่องแกงเหล่านี้     เข้ากันดีอย่าผลีผลาม
แล้วเตรียมเครื่องปรุงตาม     ดังจะกล่าวเล่าวิธี...

๏ น้ำมันไม่ถือตน                  ผัดแกงจนกลิ่นหอมดี
กะทิสดสติมี                          คั้นใส่ตามให้รู้ตัว
๏ แล้วเติมหมู/เนื้อ/ไก่           วินัยใจประจำครัว
ใส่มันไม่เมามัว                     ไกลกิเลศแกงสดใส
๏ มะขามเปียกปัญญา           เสริมคุณค่ากลมกล่อมใน
น้ำตาลตามลงไป                  ให้รสเสน่ห์ความอ่อนหวาน
๏ น้ำปลาความมัธยัสถ์          อย่าให้จัดจะเค็มจาน
ถั่วลิสงประสาน                     มิตรไมตรีเป็นศรีแกง

๏ เครื่องมัสมั่นหรรษา           มีดั่งว่าหมั่นแสวง
หม้อต้มถูกหรือแพง              บ่มีผลต่อฝีมือ 
๏ ครัวเล็กหรือครัวใหญ่         ล้วนอร่อยได้หากฝึกปรือ
หมั่นหั่นหยิบจับถือ               ให้เคยชินและพอดี
๏ สูตรแกงประจำครัว            ที่ตายตัวนั้นไม่มี
เอกลักษณ์แกงเรานี้              พึงศึกษาค้นหาเอง 

๏ ปรุงแกงปรุงชีพนั้น             คล้ายกัน
เครื่องสรรพต้องคัดสรร         จึ่งได้
ลิ้มเลิศรสหฤหรรษ์                กลมกล่อม
หมั่นฝึกฝนจำไว้                    ชีพนี้ คือศิลป์ ๚ 

... แล้วอย่าลืมชิมบ่อยๆ นะครับ

๑๑ มิถุนายน ๒๕๕๗
เคมบริดจ์

แมลงวันในขวดแก้ว (A Fly in a Glass)

“แมลงวันในขวดแก้ว”

แมลงวันน้อยบินคล้อยมาหาครัวฉัน
เจ้าดิ้นรนวนพัวพันหกหันเห 
จนที่สุดหยุดเกาะนิ่งมิลังเล
บนถังเททิ้งอาหารลิ้มทานทน 

เจ้าคงติดคิดว่ามาถึงทรัพย์
สวรรค์รับรองลิ้นถิ่นมรรคผล
แดนอุดมสมบูรณ์เพิ่มพูนพล
อยู่จวบจนตนตายมิหน่ายนอน

เจ้าคงนึกตรึกว่ามาถูกที่
เพลานี้เพริศแพร้วแคล้วสมร 
มีอิสระเสรีภาพพบพานพร
แม้หมู่ภมรยังริษยาตัวข้าดี

หารู้ไม่แมลงน้อยภัยคอยอยู่
เจ้าลองดูผนังหนาอย่านึกหนี
เข้ามาได้แต่ออกยากลำบากมี
อาจถูกตีบี้พื้นกลืนกลบดิน

อันอาหารหวานปากจากขยะ
นับวันจะระเหิดร่นจนหมดสิน
ขาดที่พักฟูมฟักไข่ไร้ที่กิน
น้ำตารินบินบ่ขึ้นขื่นมายา

เราจะช่วยเจ้าตัวน้อยค่อยฟังข้า
แม้เจ้าว่าข้าสอดรู้ดูกังขา
เจ้าไม่รู้อยู่นิ่งๆ แล้วหลับตา
ข้าจะพาฝ่าออกไปให้เสรี

แต่ก่อนออกขอบอกเจ้าให้สละ
สิทธิ์สภาวะอธิปไตยในวิถี
แล้วปีนเข้าปากแก้วให้เร็วรี่
ก่อนข้านี้จะบังคับจับขังเอา

อยู่ในแก้วจงอดทนตั้งตนนิ่ง
อย่าเพิ่งวิ่ง กระวนกระวายจนกายเฉา
รอให้ข้าหาโอกาสปลดแอกเรา
อย่าโง่เขลาเร้าตีปีกจะฉีกตาย

อยู่ในขวดแก้วใสในมือข้า
ข้าอาสาพาเจ้าเดินเหินสู่หมาย
ขอแค่อย่าทำข้าอารมณ์กลาย
เป็นหรือตายข้าลิขิตให้เจ้าเอง ‘

เจ้าเชื่อใจข้าไม่หละ? 

๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๗
บรัสเซลส์



“A fly in a Glass”


A li'l fly, glides through, my window
Head hollow; flight tight, chaotic
Till it lands, low and holds, on a slick
Garbage pile, of waste mix; lips locked long.

You may think, you’ve landed, on treasure
That caters, for your tongue, with savoury songs
Of heavenly land, lush and rich, fit and strong
This plump place, where no wrong, can be done. 

You may dream, you've stepped on, the right site
Future bright, sight sweet, greet with fun 
With freedom, liberty, you fear none
Everyone, must envy, lucky you!

Oh lil fly, you know not, of perils
Hidden still, in thick walls, you came through
No escape, you are trapped, and doomed too
B’fore you knew, you’ll be crushed, to the floor.

The food waste, that tastes, like honey
You won’t see, it lasts, one day more
You will lose, all love, till it sores
At your core, tears will soak, broken wings.

I’ll help you, lil one, just listen
Even when, you’re in doubt, questioning
Close your eyes, cos you don’t, know a thing
Quit flying, and I shall, set you free.

But till then, you’ll have to, sacrifice
Take advice; hand me your, sovereignty
Climb inside, the clear glass, now quickly
Or I’ll see, that you’re caught, and forced there.

In the glass, be patient, and hold still
Don’t struggle, or you will, never flare
Wait for me, to free you, with great care
Don’t you dare, trick me or, you’ll be stunned.

Rest inside, the home glass, in my hand
I’ll lead you, to the land, of salvation
Just do not, irritate me, or I’ll shun
Dead or alive, your fate’s done, in my hands.

Do you trust me?

27 May 2014
Brussels

เปียโนไม้ (Wooden Piano)

"เปียโนไม้"

เมล็ดไม้ลายงามลอยตามลม 
ผิวเกลี้ยงกลมสมส่วนเนื้อนวลขาว 
ทอดตัวลงเลียบพื้นรากยืนยาว 
เติบโตราวเสาสวรรค์สูงทันตา 
เป็นซุงทองที่ปองหมายของนายช่าง 
เป็นเรือนค้างแรมหลักเหล่าปักษา 
เป็นฝายรับรองน้ำจากนภา 
เป็นชีวาแช่มชื่นกล่อมผืนดิน 

จนถึงวันผันเปลี่ยนเจียนเรือนร่าง 
ประกอบสร้างสรรค์ทรงบรรจงศิลป์ 
ด้วยมือเทพดลประดิษฐ์เป็นกล่องพิณ 
เลื่อมไพลินสลักลายฝาไม้งาม 
บนแท่นดีดกรีดลงทองคล้องความหวัง 
บนแท่นนั่งฝังความสุขมุกสยาม 
บนกล่องเพลงประดับเพชรความพยายาม 
ลวดทั้งสามกลัดมรกตความเมตตา 

บรรจงเล่นเป็นเพลงบรรเลงเล่า 
ถึงเรื่องราวคราวก่อนย้อนโหยหา 
ถึงแม่ไม้ต้นตระหง่านพลันหลุดมา 
ลมพัดพาชะตาน้อยคล้อยถิ่นไกล 
บัดนี้เป็นเปียโนไม้กายสง่า 
ยังนึกหาพระมารดาท่านอยู่ไหน 
ลูกไม้น้อยจะร้อยเพลงเปล่งจากใจ 
เผื่อท่านได้สัมผัสเสียงสำเนียงเรา 

จะส่งสารไร้เสียงภาษาจิต 
จะเล่าเรียงชีวิตทั้งสุขเศร้า 
ให้แม่ฟังผ่านโน้ตอันเกลี้ยงเกลา 
ผ่านกระซิบแผ่วเบาของวิญญาณ 

.......แม่ได้ยินผมไหม? 

๑ มิถุนายน ๒๕๕๗ 
เคมบริดจ์

"Wooden Piano"

A fine seed, journeyed, through the air, 
Fresh and fair, skin smooth, and rounded,
Landed on, rich soil, it sprouted, 
Reaching height, where it met, heaven’s hands;
A treasure trunk, a gold mine, for carpenters, 
A safe shelter, a winter den, for birds’ bands,
A collector, of royal rains, on blessed sand, 
To luscious land, a well of life, rose in delight. 

Then days passed, set forth, metamorphosis, 
Wooden pieces, assembled, by artists’ might,
With angel’s touch, a piano rose, covered in light,
Of blue Sapphire, big and bright, engraved with care; 
Shining keys, polished with, Gold of Faith,
Chair made, with Pearls of Joy, pure and rare, 
Will’s Diamond, on wooden plank, a perfect pair,
Three strings, were to wear, gem Jade of Grace. 

A grave ballade, now toned, with intent, 
Chanting tales, back then, of wintry haze, 
Once the Seed, set off, as winds raced, 
From mum’s warm, branch base, drifting far;
Now I’m one, proud piano, grand and fine,
Yet my mind, still wonders, where you are,
This seedling, shall render, a few bars,
To Stars; hope you hear, our dear song; 

I will sing, a silent, lullaby, 
Of moon tide, tears and joy, my life long,
To you ma, these notes long, to belong, 
I’ll whisper, a mellow song, from my soul…. 

You feel me, ma? 

1 June 2014
Cambridge

Transformation

"Transformation"

Shiny tomatoes,
Pert and prime,
Towered above a broken basket.
Crimson spheres of pride. 
"Do you miss us?" they asked.
"Of course" replied the backyard,
Faintly. Tearfully. 
Across the kidnapper's fences.

Water particles,
Rested. Awaiting.
In chubby red cheeks.
"Will you return?"
They begged the sea above,
That once harboured
million misty islands.
....
Silence
....

A silver knife,
Pierced through delicate skins,
Unleashed water particles.
 A gush penetrated her lips,
Rejoining the stream of life,
Down the cliff of consciousness,
Sank
To the bottom
Of
Her
Heart.

The transformation has begun.

12 June 2014
Cambridge


Prelude in G major Op.32 #5

"Prelude in G major Op.32 #5"

Do you hear the bird singing?
So sweetly, 
She sings for you.
Do you see the water glittering?
So gently, 
She shines for you.

Above us, 
A blossoming cherry tree.
Besides us, 
Swaying wild flowers and their busy bees.
Beneath us, 
A green carpet, soft and warm,
Behind us, 
Dispersing clouds of past storms.
Before us, 
A setting sun over the lake.
Within us, 
A fulfilled heart, a soul wide awake.

Nourished by streams of fond memories,
Nature and Man 
Embrace in unity.

Take my hands,
I'll take you to childhood.
On the wings of dancing butterflies, 
Through the willow woods.
Into the deepest ocean, 
Up the highest sky,
Over the rising moon, 
Just close your eyes...and

Listen.



23 May 2013
Cambridge

Last Napkin

"Last Napkin"

Screwed and soaked, 
The last napkin lies.
A sponge of sorrow, 
A tomb of tears, 
A silenced cry.

The unbreakable is broken,
The invincible defeated.
The terrible trick of fate, 
So cruel and conceited.

The last napkin, 
Used and discarded.
Woefully wet and heavy,
Ugly lump of last tears shed.

Tears of heartache
Tell truth of heartbreak.
In this love game
With no winners 
Nor trophy to take.

Only losers,
Lost and lame, 
Holding the last napkin,
Trapped and torn,
in cycles of human sins.

4 July 2012
London

Spider's Secrets

"Spiders' Secrets"

From inside I sat watching
busy spiders outside glass windows.
Weaving. Waiting.
Sparkled ballerinas of the night,
spinning silk tutus in lunar might.
Eight hollow hands of master craftsmen
greet fated preys with mystical smiles.
Grab them tight,
in genetic desire.

You performed at 10pm last month,
9pm last week, 8pm today.
A magical show from your buzzing bay.
As sun rises you crawl back in corners,
suspended in time 
when hunters are hunted.
Oh prophet spiders, 
spin me your secrets.

Of time and space, 
hot and cold.
The programmed instincts only you know.
Of being there and then,
with winds' voices and whispered rains.
Of being free in wooden frames,
taking joy in idleness,
catching purpose,
in wilderness.


27 August 2014
Cambridge

Fearful liberation (การหลุดพ้นที่น่าหวาดหวั่น)


"Fearful liberation"

Rising furious floods
soak my paper ship
tear ducts unscrewed
into waves of memories
dissolved. diluted. distant.
In darkened water, 
I drown.

Paddles of promises
shattered icy pieces
submerged. bottomed. buried.
under the ocean of trepidation
the eternal night embraces
In nyctophobia, 
I thrive.

Starved sharks
liberate my blue flesh
estranged soul redeemed
in a frenzied feast of fear
serene. dignified. expectant.
For perdition, 
I prepare.


31 October 2014
Cambridge


"การหลุดพ้นที่น่าหวาดหวั่น"

กระแสน้ำเกรี้ยวกราดสาดสูงขึ้น
ซึมเข้าเนื้อเรือกระดาษของฉัน
ฝาบิดท่อน้ำตาถูกขันออก
ปลดปล่อยคลื่นความทรงจำหลั่งไหล
ละลาย. เจือจาง. ห่างไกล.
สู่สายวารีที่มืดมิด
ทีละนิด
ฉันจมลง

ไม้พายแห่งคำสัญญา
แตกเป็นเสี่ยงเสี้ยวน้ำแข็ง
จมมิด. ติดพื้น. กลืนกลบ.
ใต้มหาสมุทรแห่งความตื่นตระหนก
สู่อ้อมอก. ของราตรีอันเป็นนิรันดร์
ในความหวาดหวั่น. อันธการ.
สุขสำราญ
ฉันลิ้มลอง

ฉลามหิวโหย
ปลดปล่อยนวลเนื้อสีครามของฉัน
กอบกู้จิตวิญญาณที่หม่นหมองกลับคืน
ในการกินฉลองอันบ้าคลั่งของความกลัว
สงบเงียบ. สง่างาม. รู้ตัว. 
เปี่ยมด้วยความคาดหมาย
สำหรับความตาย
ฉันเตรียมตัว

๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๗
เคมบริดจ์

Reborn

"Reborn"


Liquid moonshine
voluptuous. dexterous.
caresses
black velvet Venus trap,
thornless rose of horror
moves. grasps. sucks.
obsequious fly of vices
Free alas. Free alas.


Solid sunshine
hefty. omnipresent.
lightens
bruised purple orchids,
poisonous pendulums of beauty
lure. lament. loosen.
white butterfly of virtues
Here alas. Here alas.


Ethereal rainbow
dormant. colourless.
transverses claustrophobic sky
towards lost ocean of constellations
ancient. infinite. possible.
mother chroma, father iridescence unite
in blossoming nebula of love

Passion,
explodes

Colours,
reborn.


30 October 2014
Cambridge